การสร้างเว็บไซต์ธุรกิจการค้า ให้ติดอันดับบน Google

การสร้างเว็บไซต์ธุรกิจการค้า ให้ติดอันดับบน Google
June 4, 2019 No Comments Online Marketing & SEO Training Ken Sitti
เว็บธุรกิจการค้าใน Pc Phone tablet

การจะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจให้ติดอันดันบน Google ได้นั้น สามารถทำได้!

การที่เว็บไซต์ธุรกิจหรือร้านค้าของเราติดอันดับการค้นหาบน Google นั้น จะทำให้เราได้ลูกค้าจากการค้นหาคำที่กลุ้มเป้าหมายของเราต้องการ ซึ่งในการจะทำให้เว็บเราติดหน้าหนึ่งหรืออับดับต้นๆบน Google นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยปัจจัยที่เกี่ยวกับด้าน On-Page เบื้องต้นจะประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้

  • ความเรียบง่าย เข้าใจง่าย ใช้งานง่าย
  • ความสม่ำเสมอ ไม่สับสน การจัดการโครงสร้างเว็บ
  • สร้างความโดดเด่น เอกลักษณ์ เช่น Logo
  • เนื้อหาต้องครบ เช่น Detail Product
  • ระบบ Navigation หรือ Menu ใช้งานง่าย Navigation ก็เหมือนการนำทางไปที่ต่างๆในเว็บไซต์ เน้นใช้งานง่าย สะดวก ไม่มีความสับสน
  • คุณภาพของเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่ดีจะต้องมีคุณภาพ สิ่งต่างๆที่ปรากฏบนเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็น กราฟิก ชนิดตัวอักษร รูปภาพ สีสันต่างๆที่นำมาใช้ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะสร้างจุดเด่นของเว็บขึ้นมา
  • ความสะดวกในการใช้งาน เว็บไซต์ที่ดีต้องสร้างความสะดวกให้ผู้ใช้งาน ต้องมีระบบการใช้งานที่ง่ายเข้าใจไม่ยาก สะดวกในการใช้
  • ความคงที่ของการออกแบบ คือการออกแบบเว็ปไซต์ให้มีความคงที่ในการออกแบบ อธิบายง่ายๆก็คือ Theme ที่ใช้สร้างหรือภาพต่างๆ จะต้องไม่ตัดกันเอง ต้องมีรูปแบบที่คงที่ในการออกแบบ
  • ความคงที่ของการทำงาน ระบบการทำงานของเว็ปไซต์จะต้องมีความคงที่ในการใช้งาน และ สามารถใช้งานได้ดีในระยะยาว เว็ปต้องมีความทันสมัย และตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา
  • และปัจจัยอื่นๆ

หน้าเพจเบื้องต้น 4 หน้าที่ควรมีในเว็ปไซต์

  • Home หรือ หน้า Home Page

Home page คือ เว็บเพจหน้าแรกของเว็บไซต์ซึ่งจะเป็นทางเข้าหลักของเว็บที่คนมักจะเข้ามาเป็นอับดับแรก เช่น www.2bearsmarketing.com ถือเป็นหน้าโฮมเพจ และ www.2bearsmarketing.com/tokyo-seo/ จะถือเป็นหน้าเว็บเพจที่อยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งหน้า Home page ถือเป็นหน้าเป็นตาขององค์กรหรือบริษัทได้เลย เพราะ Home page ก็เปรียบเสมือนหน้าร้านค้าหรือหน้าตาของบริษัทฯ

  • Product Page หน้าแสดงรายละเอียดสินค้า

หน้า Product คือหน้าที่จะแสดงสินค้าของร้านค้าหรือสินค้าต่างๆที่เราจะจำหน่าย โดยจะต้องแสดงข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อ ชื่อสินค้า ราคาสินค้า ขนาดของสินค้า และ ถ้ามีจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่หลากหลายรูปแบบและมีหลายหมวดหมู่ ก็ควรสร้าง Categories ก็คือประเภทหรือหมวดหมู่ของสินค้า และเราอาจจะเพิ่ม Tag ให้กับหน้าเว็บเพจนั้นด้วยก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวจัดหมวดหมู่ของสินค้าให้ดูง่ายขึ้น และการหาสินค้าดำเนินไปด้วยความง่าย อีกทั้งยังสามารถทำ SEO ไปต่อยอดในอนาคตได้ด้วย

  • Service Page บริการต่างๆ

หน้า Service หรือ บริการต่างๆที่เรามี ผู้ใช้งานสามารถรู้ว่าเรามี Service อะไรบ้าง มีบริการหลังการขายหรือเปล่า เช่น ซื้อ ตู้เสื้อผ้า มี บริการประกอบ หลังซื้อสินค้าหรือเปล่า ซึ่งบริการต่างๆที่เราเขียนในหน้านี้สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานหรือผู้ซื้อได้ หรืออีกตัวอย่างเช่น Two Bears Marketing มีให้บริการด้าน Search Engine Optimization ก็ควรที่จะมีหน้าเว็บเพจที่ให้รายละเอียดการบริการด้าน SEO

  • Location หรือ ที่อยู่ หรือ สถานที่ตั้งของบริษัทหรือหน้าร้าน

Location คือ สถานที่ตั้ง หรือ ที่อยู่ ของหน้าร้านเราหรือบริษัทหรือองค์กร โดยรายละเอียดของสถานที่ตั้งจะประกอบด้วย ชื่อสาขา แผนที่(Map) ข้อมูลการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ฯลฯ โดยในหน้า Location นี้อาจแผนที่ที่ใช้ในการเดินทางหรือเส้นทางที่ ที่เราสามารถรู้ว่าที่นั่นอยู่ที่ไหน หากมีสาขา ควรแบ่ง Location ไปตามสาขาต่างๆ ที่เรามี เช่น Two Bears Marketing มีให้บริการ Search Engine Optimization ในกรุงเทพฯ (Bangkok) ก็จะมีหน้า www.2barsmarketing.com/bangkok-seo/

  • Blog บล็อค หรือหน้าบทความอัพเดต

Blog หรือ การเขียนสิ่งต่างๆอัพเดท ข่าวสารหรือสินค้า ของเรา โดยการเขียน Blog หรือ News หรือ Updates สามารถทำให้มีคนมาเข้าชมเว็ปไซต์เราได้เพิ่มมากขึ้นเพื่อ อ่านบทความที่เราเขียนหรือมาใช้งานแล้วเห็นแล้วเกิดสนใจ Blogs News Updates มีประโยชน์มาก เช่น การอัพเดทสินค้าหรือราคาหรือโปรโมขั่นสินค้าต่างๆตลอดเวลา ซึ่งทำให้เว็ปเราดู active มีการใช้งานบ่อย หรือ การที่เราเขียน Blog ทำให้เราสามารถเผยแพร่บทความต่างๆ ที่เราหามา หรือ ประสบเจอมาเล่าเป็นเรื่องราวทำให้คนอยากติดตาม ซึ่ง ในหน้านี้สามารถทำให้ผู้ใช้งานหรือผู้ชมสนใจได้

การ ทำ SEO (Search Engine Optimization)

SEO ก็ คือกลยุทธ์การลงทุนอันหนึ่งที่เราสามารถทำให้คนเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้มากยิ่งขึ้น โดยให้กูเกิ้ล (Google) แสดงเว็บเพจสินค้าของเราเป็นอันดับต้นๆของผลลัพธ์ เมื่อมีผู้ใช้ทำการค้นหาด้วยคำศัพท์ (Keywords)

SEO คืออะไร ?

SEO ก็ คือ Search Engine Optimization กลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Google Yahoo Bing ฯลฯ โดยจุดประสงค์หลักของ SEO คือการทำให้เว็ปไซต์เรา อยู่หน้าแรกๆของหรืออันดับต้นๆของ Search Engine Result Page ซึ่งจะทำให้เกิด Traffic จากการ Search (ผู้เข้าชมหรือผู้ใช้งานเว็ปไซต์) ซึ่งมีผลก่อให้การเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณา

ปัจจัยเบื้องต้นที่มีผลต่อ SEO โดยตรง คือโครงสร้างเว็บไซต์และเนื้อหาของเว็บไซต์ ถ้าทำผิดวิธีอาจส่งผลทำให้การจัดอันดับเว็ปแย่ลง การทำ SEO คือการลงทุนระยะยาว หากลงทุนไปแล้วสามารถสังเกตุได้ในเวลาหลายเดือนต่อมา สามารถเช็คดูยอด Visister ได้ ว่าเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน หากลงทุนกับ ADS และ SEO สามารถทำให้เห็นผลได้เร็วมากยิ่งขึ้น

ADS หรือ กลยุทธ์ทางการโฆษณา

โฆษณาต่างๆบนโลกอินเตอร์เน็ตที่จะส่งผลกระทบให้คนเห็นสินค้าได้ง่ายขึ้น

ADS ย่อมาจาก Advertising Objectives เป็นกลยุทธฺการโฆษณาบน Internet และ เราสามารถเจาะจงการโฆษณาต่างๆไม่ว่าจะบนสื่อ Social media เช่น facebook, instragram, Twiiter หรือแม้แต่ Google ads ก็เช่นกัน แต่การลงทุน โดยใช้ ADS คุ้มค่ามากและเห็นผลไว โดยการ Ads จะโผล่อยู่ทุกที่ไม่ว่าจนบน Facebook Google เช่น การโปรโมท Page สินค้าหรือแบรนมาใหม่มักจะใช้ Ads หรือการค้นหาสินค้า โดยใช้ Ads จาก Google ทำให้เห็นรายชื่ออยู่บนสุด สามารถเพิ่มยอดเข้าชม หรือ ยอดไลค์ หรือ ยอดต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Ads จะมีประสิทธิภาพมากแต่จะระยะสั้น ผลที่ตามมาขึ้นอยู่กับเงินที่ลงทุนไปด้วยเช่นกัน แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ที่สามารถทำให้ผู้ใช้Soical media หรือ Google สามารถรู้จักสินค้าของเราได้อย่างง่ายขึ้น โดยการใช้ Ads มีหลายเจ้าให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook ads, Google ads สามาถเลือกใช้ตามสะดวก

การนำ Social Media มาช่วยในการโฆษณา
โซลเชียลมิเดียต่างๆที่ส่งผลต่อธุรกิจหรือร้านค้าออนไลน์

Social Media คือ สังคมออนไลน์ ต่างๆที่อยู่บน Internet ไม่ว่าจะเป็น เว็ปบอร์ด เช่น pantip pramool หรือ facebook instragram etc. ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสื่อในการเผยแพร่สินค้าหรือหน้าเว็ปหรือหน้าเพจของเรา ซึ่งSocial Media ในปัจจุบัน เป็นปัจจัยหลักมาก เพราะผู้คนส่วนมากใช้ Social Media เมื่อเราโฆษณาผ่าน Social Media หรือ ใช้งาน Social Media เรามักจะเห็นโฆษณาต่างๆที่แนบมา ไม่ว่าจะเป็นสินค้า ครีม ร้านอาหาร รีวิวต่างๆใน Social Media ถือเป็นสื่อที่ส่งผลมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะจ้างการไปรีวิวร้านอาหารต่างๆทำให้ยอดผู้เข้ามาใช้บริการ ถล่มทลาย เราสามารถใช้งานโฆษณาผ่าน Social media ต่างๆโดยการจ้างบุคคลหรือสื่อที่ม๊ อิทธิพลในสื่อเหล่านี้ 

การประยุกต์

เมื่อเรานำ หลักการออกแบบและการจัดองค์ประกอบและกลยุทธ์SEO,Ads และ Social Media มาประยุกต์ใช้ซึ่งมันสามารถทำให้เว็บไซต์เราสามารถติดอันดันใน Google ได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องใช้เวลา สำหรับการลงทุนต่างๆไม่ควรรีบร้อนนัก หลังจากการลงทุน เราควรอย่างน้อย 3-5 เดือนในการเห็นผลแต่เราสามารถสังเกตุยอดเข้าใช้งานได้ตลอดเวลาเพื่อดูพัฒนาการของการลงทุน ว่ามีผู้ใช้เข้ามาใช้มากขนาดไหนในเดือนนี้หรือต่อวัน ยอดรวมในเดือนหนึ่งมีเท่าไร  และ เราสามารถดูเป็นกราฟได้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการดูข้อมูลแบบกราฟ ไม่ว่าจะเป็นเวลา ในการเข้าชมเว็บไซต์ช่วงไหนเยอะที่สุดซึ่งเราสามารถนำจุดเล็กๆมาเป็นจุดแข็งของเราได้

รูปการแสดงตัวอย่างกราฟจาก SEO ผู้ชมในแต่ละวัน

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เขียนขึ้นโดยนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเข้ามาเรียนรู้งานใน Two Bears Marketing

Tags
About The Author
Ken Sitti รับผิดชอบด้านการวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing Strategy) เชี่ยวชาญด้าน Search Engine Optimization (SEO), YouTube SEO, Google Map Marketing (Google My Business) สามารถให้คำแนะนำด้านการตลาดออนไลน์ประเภทอื่นๆ เช่น Google AdWords

Leave a reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *